สาส์นจากประธานกรรมการ

นายพิพิธ พิชัยศรทัต
ประธานกรรมการ

ในปี 2566 เศรษฐกิจไทย คาดว่ามีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.8 (คาดการณ์) ชะลอตัวลงกว่าปี 2565 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.6 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าในหมวดยานยนต์ และคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปี 2566 คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจะหดตัวที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี ในส่วนของสถานการณ์ค่าเงินบาทในปี 2566 พบว่าค่าเงินบาทมีความผันผวนโดยอ่อนค่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี และแข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจจีน และนโยบายการเงินผ่อนคลายของญี่ปุ่น ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 มีปัจจัยลบที่มากระทบหลายด้าน ทั้งการไม่ต่ออายุการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กระทบต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นสัญญาที่ 2 และที่ 3 ตั้งแต่สิ้นปี 2565 ส่วนภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีอัตราสูง ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงทำให้กระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ

ส่วนภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่แสดงข้อมูลจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ และปริมณฑลลดลงจากปี 2565 โดยรวมร้อยละ 8.8 เมื่อพิจารณาตามประเภทบ้าน พบว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทปรับตัวลดลงอยู่ในช่วงร้อยละ 10-14 ยกเว้นอาคารชุดที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.4 ส่วนข้อมูลมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ และปริมณฑลดลงจากปี 2565 ทุกประเภท โดยทาวน์โฮมลดลงสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 9.0 รองลงมาคือ บ้านแฝด คิดเป็นร้อยละ 6.1 ยกเว้นอาคารชุดที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 0.4 เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าต่อหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์พบว่าโดยรวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.0 อาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดร้อยละ 11.0 รองลงมา คือ บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ และสินเชื่อผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปล่อยใหม่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 ของบริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 2,003 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 16.68 และยอดกำไรสุทธิ 34.70 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 69.18 และเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท โครงสร้างรายได้หลักของบริษัทฯ ร้อยละ 87.77 มาจากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ และร้อยละ 10.08 มาจากธุรกิจการให้เช่าและบริการ และในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาและเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นอีก 2 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว สำหรับธุรกิจพื้นที่เช่าได้มีการขยายพื้นที่ให้เช่าของตลาดเมืองเอกเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มได้มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 สาขา และมีแผนเปิดสาขาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น

ในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงเน้นการให้ความสำคัญในการทบทวนกฎบัตรคณะกรรมการทุกชุด และการกำหนดทิศทาง วิสัยทัศน์ พันธกิจ รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทฯ การกำกับดูแลและติดตามให้มีการปฏิบัติตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้เกิดความยั่งยืนแก่ธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนบูรณาการในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับ 2567 บริษัทคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงต้องติดตามนโยบายและมาตรการต่างๆ ของภาครัฐจะมีผลกระตุ้นที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และความผันผวนของนโยบายทางการเงิน นอกจากนี้ทางคณะกรรมการบริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารความเสี่ยง การลงทุน และการบริหารจัดการภายในบริษัทฯ รวมทั้งการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ลูกบ้าน พนักงาน คู่ค้า สถาบันการเงิน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด และจะควบคุมดูแลกิจการด้วยคุณธรรม ธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดคงชื่อเสียงของบริษัทฯ ให้ดีตลอดไป

นายพิพิธ พิชัยศรทัต
ประธานกรรมการ