ประวัติความเป็นมา
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ก่อนตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ดำเนินธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ประเภทบ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินเพื่อขายเป็นหลัก จวบจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 50 ปีบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการเพื่ออยู่อาศัยและส่งมอบบ้านแก่ผู้ซื้อแล้วกว่า 6,000 หน่วย โดยบริษัทฯมุ่งเน้นที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีของคนไทยในราคาที่เหมาะสมนอกจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแล้ว บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่า โดยพัฒนาศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ ศูนย์การค้าสัมมากรเพลส (Sammakorn Place) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บนถนนรังสิตคลอง 2 ถนนรามคำแหง และถนนราช-พฤกษ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการหารายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทฯ และสร้างรายได้ในระยะยาวให้มีความผันผวนน้อยลงอีกทั้งยังสร้างเครือข่ายชุมชนให้มีความสะดวกสบายในการพักอาศัยอีกด้วย
“เราไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เราสร้างสังคม”
การประกอบธุรกิจ
รายได้หลักของบริษัทฯมาจากการจำหน่ายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเป็นหลัก
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่พักอาศัยโดยเน้นพัฒนาที่พักอาศัยแนวราบ โดยโครงการส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีโครงการในต่างจังหวัดซึ่งได้มีการเปิดตัวโครงการในปี 2566 จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ บาร์นยาร์ด เขาใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา
โครงการของบริษัทฯ ทั้งหมดมีลักษณะเป็นโครงการสร้างเสร็จก่อนขาย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว ภายใต้ชื่อแบรนด์ “สัมมากร” และเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวแบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ เพิ่มอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ มิตติ และแบรนด์ อนาพนา ในส่วนของ ทาวน์โฮม 2 และ 3 ชั้น ภายใต้ชื่อแบรนด์ “สัมมากร อเวนิว” ซึ่งเน้นตั้งอยู่ในเขตชุมชนใกล้กับสถานที่อำนวยความสะดวก และแหล่งคมนาคม เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ โครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงของบริษัทฯ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อแบรนด์ “สัมมากร S9” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แหล่งการค้า และย่านธุรกิจแห่งใหม่ โครงการโฮมออฟฟิศ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ออฟฟิศ พาร์ค” และโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบกลุ่ม Super Luxury ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Providence Lane” และโครงการใหม่ “Park Heritage” ซึ่งได้เปิดตัวโครงการไปเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และล่าสุดโครงการในต่างจังหวัดโครงการแรก ได้แก่ โครงการแบรนด์ “บาร์นยาร์ด” เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
ประเภทผลิตภัณฑ์ | |||
---|---|---|---|
ระดับราคา | บ้านเดี่ยว / บ้านแฝด / มิกซ์โปรดักส์ | ทาวน์โฮม / ช็อปเฮ้าส์ / โฮมออฟฟิศ | คอนโดมิเนียม |
> 20.00 ล้านบาทต่อยูนิต | > 7.00 ล้านบาทต่อยูนิต | > 250,000 บาทต่อตร.ม. | |
สูง | |||
8.00-20.00 ล้านบาทต่อยูนิต | 3.00-7.00 ล้านบาทต่อยูนิต | 150,000-250,000 บาทต่อตร.ม. | |
ปานกลาง | |||
> 3.50-8.00 ล้านบาทต่อยูนิต | < 3.00 ล้านบาทต่อยูนิต | < 150,000 บาทต่อตร.ม | |
ต่ำ | |||
นโยบายการดำเนินธุรกิจ
ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปี ที่สัมมากรไม่เพียงแต่สร้างบ้านและที่อยู่อาศัย แต่เรายังมีประสบการณ์ในการดูแลลูกบ้านกว่าหมื่นชีวิต เราจึงรู้ถึงความต้องการในทุกมิติ เข้าใจถึงการใช้ชีวิตในบ้านที่หลากหลาย และเปลี่ยนไปของคนไทย เป็นที่มาของปรัชญาบริษัท “บ้านที่หลับสบาย” ที่สัมมากรนำไปใช้ในการคิดทุกรายละเอียดอย่างใส่ใจ และออกแบบให้ทุกพื้นที่ในบ้านถูกใช้สอยอย่างเหมาะสมลงตัวกับวิถีชีวิตของคนไทยทุกยุคทุกสมัย
หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเปลี่ยนนโยบายสร้างบ้านแบบสั่งสร้าง มาเป็นสร้างเสร็จก่อนขาย ทำให้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นที่จะดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มนโยบายการส่งมอบบ้าน และห้องชุดให้แก่ลูกค้าด้วยคุณภาพที่ดี และตรงเวลา ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เน้นให้บ้านทุกหลัง และห้องชุดทุกยูนิตที่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพจากทั้งทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ และทีมดูแลลูกค้า โดยการเสริมขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพระหว่างหน่วยงาน (Quality Control) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบ้าน และห้องชุดที่สร้างเสร็จจะถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ได้คุณภาพ และตรงความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย บริษัทฯ มั่นใจว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ และยังเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ในปีที่ผ่านมา ทางบริษัทยังคงให้ความสำคัญในทุกด้านครอบคลุมทุกประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับตั้งแต่การทำการตลาดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย การเสนอโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ การส่งมอบบ้านและห้องชุดที่มีคุณภาพดี รวมทั้งใส่ใจและให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับงานบริการหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายที่จะสร้างสังคมเพื่ออยู่อาศัย และออกกฎระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกันของลูกบ้าน เพื่อเป็นการวางรากฐานสังคมที่ดีให้กับชุมชนในอนาคต รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทและลูกบ้านให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้พนักงานที่ดูแลการบริการหลังการขายในแต่ละโครงการสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้า และสามารถให้การบริการที่ดีเกินความคาดหวัง
โครงสร้างรายได้
โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งในปี 2566 มีสัดส่วนร้อยละ 87.77 ของรายได้รวม นอกจากนั้นก็มีรายได้จากการให้เช่า รายได้จากการบริการ รายได้จากการขายอาหารและเบเกอรี่ และรายได้อื่นๆ โครงสร้างรายได้ในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมามีสัดส่วนดังนี้
โครงสร้างรายได้เปรียบเทียบ 3 ปี (งบการเงินรวม)
(หน่วย : ล้านบาท)
ประเภทรายได้ | ดำเนินการโดย | % การถือหุ้น | 2566 | 2565 | 2564 | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ล้านบาท | ร้อยละ | ล้านบาท | ร้อยละ | ล้านบาท | ร้อยละ | |||
รายได้จากการขายบ้านและที่ดิน | SAMCO, SMKP | SMKP 51 | 1,758 | 87.77 | 2,166 | 90.10 | 1,241 | 86.06 |
รายได้จากการให้เช่า | SAMCO, PSDC | 100 | 88 | 4.39 | 108 | 4.49 | 97 | 6.73 |
รายได้จากค่าบริการ | SAMCO, PSDC, SMKP | PSDC 100, SMKP 51 | 114 | 5.69 | 92 | 3.83 | 87 | 6.03 |
รายได้จากการขายอาหารและเบเกอรี่ | SFB | 100 | 20 | 1.00 | 22 | 0.91 | 2 | 0.14 |
รายได้อื่น | 23 | 1.15 | 16 | 0.67 | 15 | 1.04 | ||
รวมรายได้ | 2,003 | 100 | 2,404 | 100 | 1,442 | 100 |
หมายเหตุ : SAMCO หมายถึง บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)
SMKP หมายถึง บริษัท สัมมากรพลัส จำกัด
PSDC หมายถึง บริษัท เพียวสัมมากร ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
SFB หมายถึง บริษัท สัมมากร เอฟแอนด์บี จำกัด
โครงการในอนาคต
โครงการ | ที่ตั้งโครงการ | ดำเนินการโดย | จำนวนยูนิต | ระดับราคา (ล้านบาท) | มูลค่าโครงการ (ล้านบาท) | ความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการ | คาดว่าเปิดขาย |
---|---|---|---|---|---|---|---|
อนาพนา จตุโชติ | ตําบลสามวาตะวันตก อําเภอคลองสามวา (เมือง) กรุงเทพมหานคร |
SMK-JV2 | 132 | 8 | 1,200 | 5.73% | ก.ค. 67 |
มิตติ ราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ | ซอย ท่าอิฐ ตําบล ท่าอิฐ อําเภอ ปากเกร็ด (ตลาดขวัญ) จังหวัด นนทบุรี |
SMK-JV3 | 56 | 5.69 | 340 | 1.78% | ส.ค. 67 |
หมายเหตุ : SMK-JV2 หมายถึง บริษัท สัมมากร-เจวี2 จำกัด
SMK-JV3 หมายถึง บริษัท สัมมากร-เจวี3 จำกัด
ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของสื่อการตลาดรวมทั้งเนื้อหาทางการสื่อสารทางการตลาดให้ได้ผล และมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อกลุ่มเป้าหมายในแต่ละ segment ของบริษัท โดยคาดหวังให้ทางบริษัทมี Share of voice ในตลาดได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเข้าไปอยู่ในตัวเลือกอันดับแรกๆ ในใจของลูกค้า (Top of Mind) ในการเลือกซื้อบ้านที่อยู่อาศัย เพิ่มศักยภาพของสื่อทางการตลาดที่ใช้อยู่ และเพิ่มช่องทางอื่นๆ หรือวิธีการสื่อสารด้วยเนื้อหาที่สอดคล้องต่อความสนใจของลูกค้าในแต่ละ segment เน้นสร้างการรับรู้และเป็นที่รู้จัก (Brand Awareness) ของแบรนด์สัมมากรให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาด เช่น ปี 2566 ได้มีการปล่อย Brand Campaign “สัมมากร ขายบ้านนน” ที่เน้นการรับรู้ถึงแบรนด์สัมมากรที่ทำธุรกิจขายบ้านมากกว่า 50 ปี โดยได้รับผลตอบรับเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้
ในปี 2566 ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในโครงการแนวราบที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับวิธีการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถดึงดูดอุปทานที่เหลืออยู่ในตลาดได้
เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมาถึงแม้สถานการณ์จะผ่อนคลายและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สภาพเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในสภาพกำลังฟื้นตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยตรงและความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคลดลง อาจทำให้ตลาดซื้อขายที่อยู่อาศัยขยายตัวในอัตราที่ลดลง เป็นเหตุให้การแข่งขันทางธุรกิจจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่บริษัทฯ จะต้องติดตามดูแลเป็นพิเศษ และมีการปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบมิให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่บริษัทฯ
สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการและการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ มีจริยธรรม และมีความมุ่งมั่นเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด เริ่มตั้งแต่การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา เพียงพอต่อการตัดสินใจ รวมถึงการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่ดี รวมทั้งจัดให้มีระบบช่องทางการติดต่อสำหรับให้ลูกค้าร้องเรียนเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าและบริการ โดยในปี 2566 บริษัทได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าเฉลี่ยเท่ากับ 4.59 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 นอกจากนี้สำหรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า ทางบริษัทฯ รับข้อร้องเรียน และเร่งประสานงานดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ
ความเสี่ยงหลักในการดำเนินธุรกิจและแนวทางป้องกันแก้ไข
ปัจจัยความเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 มีดังต่อไปนี้
- ความเสี่ยงเกี่ยวกับการแข่งขัน
ธุรกิจจัดสรรบ้านและที่ดินเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงเป็นปกติอยู่โดยตลอด เพราะมีผู้ประกอบการในตลาดมากราย แต่ละรายก็เน้นที่จะเพิ่มยอดขายและกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ทุกบริษัทหันมาให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบซึ่งเป็นสินค้าหลักของสัมมากรมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดของโครงการแนวราบสูงขึ้นมาก
แนวทางแก้ไข คือ ต้องติดตามสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะบ้านจัดสรร และทิศทางภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด วางแผนการก่อสร้างล่วงหน้าให้เหมาะสม สร้างบ้านคุณภาพตามความต้องการของตลาด ประการสำคัญต้องควบคุมต้นทุน เน้นการสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า ใช้วิธีและสื่อการตลาดที่มีประสิทธิภาพสามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ภายใต้งบประมาณที่ตั้งไว้ สร้างความแตกต่าง และบริษัทฯ จะต้องปรับตัวให้ทันเหตุการณ์หากมีสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงหรือเกิดภาวะบ้านจัดสรรล้นตลาดเกิดขึ้น รวมทั้งการมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์สัมมากรให้แข็งแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มคนที่กำลังมองหาซื้อบ้านหรือจะซื้อบ้านในอนาคตอันใกล้ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการทำให้แบรนด์สัมมากรเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงเข้าใจในตัวธุรกิจของแบรนด์มากขึ้นเช่นเดียวกัน - ความเสี่ยงเรื่องกำลังซื้อลดลง
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงถดถอยเป็นผลลัพธ์จากโรคระบาดในช่วงปีที่ผ่านมามีผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จึงอาจทำให้ผู้บริโภคที่แม้มีกำลังซื้อแต่อาจขาดความเชื่อมั่นและระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น
แนวทางแก้ไข คือ บริษัทฯ ต้องเน้นการสร้างบ้านคุณภาพในราคาที่แข่งขันได้ โดยใช้นวัตกรรมต่างๆ เข้ามาช่วยให้มากขึ้น ทั้งรูปแบบวัสดุและกระบวนการก่อสร้าง บริษัทฯ ต้องใช้การตลาดให้หลากหลายมากขึ้นรวมถึงตรงจุดในแต่ละกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท ซึ่งจะช่วยทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อแบรนด์เรามากขึ้น ง่ายขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องลดราคามากเกินไป เพราะจากผลสำรวจ ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะยอมซื้อสินค้าที่มีแบรนด์แข็งแรง เป็นที่รู้จักในราคาที่สูงกว่าแบรนด์ที่ไม่แข็งแรง แม้จะเป็นสินค้าแบบเดียวกัน - ความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่อง
ความเสี่ยงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่สำคัญยิ่งของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาขาดสภาพคล่องจะเกิดได้จากการที่รายรับของกิจการได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาก ในขณะที่ยอดรายจ่ายสูง หรือกรณีที่สภาพคล่องมีน้อย แต่มีการลงทุนเพิ่มจำนวนมาก หรือมีภาวะหนี้ผูกพันระยะสั้นที่ต้องจ่ายตามกำหนดเวลาจำนวนมาก
แนวทางแก้ไข คือ บริษัทฯ ต้องติดตามดูแลปัญหาสภาพคล่อง โดยเฉพาะกระแสเงินสด บัญชีรายรับรายจ่ายอย่างใกล้ชิด และต้องไม่ก่อหนี้จำนวนมากเกินขีดความสามารถที่จะชำระได้ อาจต้องชะลอการลงทุนที่จะก่อภาระหนี้สินจำนวนมากออกไปก่อน หากจำเป็นต้องลงทุนก็ต้องประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบรัดกุมที่สุด นอกจากนั้นจะต้องมีการเจรจาทำความตกลงกับธนาคารให้ผ่อนปรนมากที่สุด และจะต้องมีการสำรองเงินสดให้เพียงพอ รวมทั้งขอวงเงินกู้กับธนาคารสำรองไว้ด้วย และที่สำคัญต้องมีสัญญาณไว้คอยเตือนภัยเพื่อรู้ล่วงหน้าให้ทันเวลาก่อนที่จะเกิดปัญหา
เป้าหมายในระยะยาว
ยังคงมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์สัมมากรอย่างต่อเนื่องและเป็นแผนระยะยาวเพื่อทำให้ แบรนด์สัมมากร รวมทั้งแบรนด์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์สัมมากรเป็น Top of Mind ในการซื้อบ้านที่อยู่อาศัย รวมทั้งเพื่อเพิ่ม Organic traffic ของทุกโครงการของบริษัท
วัตถุประสงค์/เป้าหมายระยะยาวของบริษัท
บริษัทฯ ได้กำหนดกลยุทธ์ในการเติบโตทางธุรกิจ โดยการรุกขยายเพิ่มส่วนแบ่งของตลาดด้วยการพัฒนาโครงการหลากหลายรูปแบบ พื้นที่ และระดับราคาเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคให้ทั่วถึง โดยมุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การประกอบธุรกิจที่โปร่งใสและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 50 ปี บริษัทฯ จึงรู้จริงถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัยในหลากหลายมิติของการอยู่ร่วมกัน บ้านทุกหลังของสัมมากรจึงเป็น “บ้านที่หลับสบาย” ที่บริษัทฯ คิดและออกแบบให้ลงตัวกับวิถีชีวิตของคนไทยยุคใหม่