ประวัติความเป็นมา
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ก่อนตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ดำเนินธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ประเภทบ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินเพื่อขายเป็นหลัก จวบจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 50 ปีบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการเพื่ออยู่อาศัยและส่งมอบบ้านแก่ผู้ซื้อแล้วกว่า 6,000 หน่วย โดยบริษัทฯมุ่งเน้นที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีของคนไทยในราคาที่เหมาะสมนอกจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแล้ว บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่า โดยพัฒนาศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ ศูนย์การค้าสัมมากรเพลส (Sammakorn Place) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บนถนนรังสิตคลอง 2 ถนนรามคำแหง และถนนราช-พฤกษ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการหารายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทฯ และสร้างรายได้ในระยะยาวให้มีความผันผวนน้อยลงอีกทั้งยังสร้างเครือข่ายชุมชนให้มีความสะดวกสบายในการพักอาศัยอีกด้วย

“เราไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เราสร้างสังคม”
การประกอบธุรกิจ
รายได้หลักของบริษัทฯมาจากการจำหน่ายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเป็นหลัก
โดยในปี 2563 บริษัทฯ มีโครงการหลักที่สร้างรายได้ทั้งหมด 9 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ได้แก่ โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์-วงแหวน 2,โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ บนถนนชัยพฤกษ์ตัดใหม่, โครงการสัมมากร รังสิตคลอง 7 โซน 4 และโครงการสัมมากร ไพรม์ 7 ซึ่งเป็นส่วนด้านหน้าของโครงการสัมมากรรังสิต คลอง 7 เดิม โครงการทาวน์โฮม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสัมมากร อเวนิว รามอินทรา-วงแหวน บนถนนคู้บอนใกล้ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์, โครงการสัมมากร อเวนิว สุวรรณภูมิ และโครงการสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตั้งอยู่ติดกับโครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์-วงแหวน 2 โครงการโฮมออฟฟิต 1 โครงการ คือ โครงการสัมมากร ออฟฟิศ พาร์ค และโครงการคอนโดมีเนียม 1 โครงการ คือ โครงการสัมมากร เอสเก้า คอนโดมิเนียม บนถนนรัตนาธิเบศร์ บริษัทฯ ยังคงเน้นพัฒนาโครงการบนพื้นที่ในบริเวณใกล้กับถนนสายที่เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ รถไฟฟ้า ทางด่วน เป็นต้น นอกจากนี้ สำหรับปี 2564 ทางบริษัทยังมีการพัฒนาโครงการระดับพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังจับจ่ายสูง ซึ่งโครงการส่วนใหญ่มีทำเลตั้งอยู่ใจกลางเมือง (CBD) อาทิ บริเวณถนนเอกมัย เป็นต้น โดยพัฒนาภายใต้บริษัทสัมมากรและในนามบริษัทสัมมากร พลัส
นโยบายการดำเนินธุรกิจ
บริษัทฯ มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ยังคงอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนนทบุรี โดยมีเป้าหมายและนโยบายหลัก ๆ ดังนี้:
- มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน โดยตั้งเป้าหมายเร่งปิดการขายโครงการปัจจุบัน เพื่อสร้างสภาพคล่องในการซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
- พัฒนาโครงการแนวราบประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิเช่น โครงการทาวน์โฮม หรือบ้านแฝดในทำเลใกล้เมืองเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้เมืองแต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวที่มีราคาสูงขึ้นตามราคาของที่ดินได้ โดยทางบริษัทมีแผนงานในการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ยังมีแผนในการพัฒนาโครงการที่มีทำเลอยู่ใจกลางเมืองเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
- พัฒนาปรับปรุงสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับการใช้งาน เมื่อดูแลรักษาครบกำหนดตามโครงการและวิธีการจัดสรรแล้ว บริษัทฯ มีนโยบายในการจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรร เพื่อให้เจ้าของร่วมได้มีส่วนร่วมกันในการบริหารจัดการชุมชนด้วยตนเอง โดยมีสิทธิ์และหน้าที่ตามกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งของแต่ละชุมชนได้เป็นอย่างดี
- คุณภาพบ้านที่พร้อมส่งมอบแก่ผู้ซื้อ บริษัทฯ จัดทีมตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทฯ จะส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ซื้อได้ตามกำหนดเวลา
- พัฒนาทีมงานบริหารลูกค้าสัมพันธ์ บริการหลังการขาย และสร้างกฎระเบียบที่อยู่อาศัยภายในโครงการเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมภายในโครงการในอนาคต อาทิ การเริ่มใช้เลขโทรศัพท์ 4 ตัว 1427 ในปลายปี 2563 ผ่านมาเพื่อให้ลูกบ้านสามารถแจ้งปัญหาได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น
การพัฒนาองค์กร และบุคลากร
ในปี 2563 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านบุคลากร และระบบปฏิบัติการ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถทำงานได้อย่างทัดเทียมกับบริษัทชั้นนำในตลาด โดยกำหนดเป้าหมายให้บุคลากรของบริษัทฯ มุ่งเน้น และให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลักในการทำงาน บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในด้านโปรแกรมฝึกอบรมให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บุคลากรมีความเข้าใจในแนวทางการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ในทิศทางเดียวกัน และยังส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในการทำงานของบุคลากรทุกหน่วยงาน ในขณะที่ระบบปฏิบัติการที่บริษัทฯ จะนำมาประยุกต์ใช้จะต้องส่งเสริมให้เกิดความรวดเร็วและถูกต้องในการทำงานระหว่างฝ่ายมากยิ่งขึ้น โดยนำเอาเทคโนโลยีและโปรแกรมการทำงานใหม่ๆมาใช้เพื่อให้บุคลากรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีเกณฑ์การวัดความสำเร็จขององค์กรทั้งสี่ด้าน ตามหลักการของ Balance Scorecard ได้แก่
- มุมมองด้านการเงิน (Financial Perspective)
- มุมมองด้านลูกค้า (Customer Perspective)
- มุมมองด้านกระบวนการภายใน (Internal Process Perspective)
- มุมมองด้านการเรียนรู้และการพัฒนา (Learning and Growth Perspective)
บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะเติบโตอย่างยั่งยืนดังเช่นที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน

โครงสร้างรายได้
โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งในปี 2563 มีสัดส่วนร้อยละ 88% ของรายได้รวม นอกจากนั้นก็มีรายได้จากการให้เช่า รายได้จากการบริการ และรายได้อื่น โครงสร้างรายได้ในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมามีสัดส่วนดังนี้
โครงสร้างรายได้เปรียบเทียบ 3 ปี (งบการเงินรวม)
(หน่วย : ล้านบาท)
ประเภทรายได้ | 2563 | 2562 | 2561 | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จำนวนเงิน | สัดส่วน% | จำนวนเงิน | สัดส่วน% | จำนวนเงิน | สัดส่วน% | |
รายได้จากการขายบ้านและที่ดิน | 1,488.70 | 88% | 1,675.06 | 73% | 879.10 | 63% |
รายได้จากการขายห้องชุด | 2.02 | 0% | 127.78 | 6% | 226.75 | 16% |
รายได้จากการให้เช่า | 96.51 | 6% | 106.68 | 5% | 105.51 | 8% |
รายได้ค่าบริการ | 81.40 | 5% | 157.08 | 7% | 158.13 | 11% |
รายได้อื่นๆ | 32.87 | 2% | 235.85 | 10% | 24.81 | 2% |
รวมรายได้ | 1,701.50 | 100.00% | 2,302.45 | 100.00% | 1,394.30 | 100.00% |
โครงการในอนาคต
บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในนโยบายจัดสรรโครงการบนทำเลที่ดีที่สุด โดยในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาโครงการที่มีทำเลอยู่ใจกลางเมืองมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับกลุ่มที่มีกำลังซื้อหลักในทำเลนั้นๆ นอกจากนั้นบริษัทฯ จะเน้นการสร้างสังคมภายในโครงการให้มีระเบียบของการอยู่อาศัยร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดชุมชนและสังคมเพื่อการอยู่อาศัยที่สงบสุขอย่างแท้จริง ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาตัวอย่างเช่น โครงการ ทู เอกมัย และโครงการอนาพนา
ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
ผลตอบรับของตลาดในปี พ.ศ. 2563 พบว่าแบรนด์ “สัมมากร” ได้รับความนิยมและจดจำจากกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น โดยสิ่งหนึ่งที่สามารถเห็นได้คือจากจำนวนผู้ค้นหาชื่อแบรนด์ ‘สัมมากร’ ที่มีอัตราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากด้วย ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนสูงขึ้นกว่าปี 2562 โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ที่ให้การต้อนรับที่ดีต่อโครงการทาวน์โฮม สัมมากร อเวนิว นอกจากนั้นแบรนด์ “สัมมากร” ยังถูกจดจำถึงคุณค่าของแบรนด์ที่ส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแผนธุรกิจในปี พ.ศ.2563 ที่มุ่งเน้นการส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพและการเพิ่มและพัฒนาหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพ และบริการหลังการขายที่จะนำมาซึ่งการแนะนำจากลูกค้าสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ รวมถึงการทำการตลาดรูปแบบใหม่ๆ และการสร้างแบรนด์สัมมากรให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วทันท่วงทีจากเหตุการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวม ทำให้บริษัทฯ มียอดรายได้และกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้

ปัจจัยที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้
บริษัทฯดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน มีความรู้และมีความเข้าใจในธุรกิจเป็นอย่างดี ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จึงเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ยกเว้นกรณีมีปัจจัยที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น ปัญหาโรคระบาด ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2563 ที่มีการระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาพธุรกิจโดยรวมของประเทศและการใช้จ่ายของคนในประเทศ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินงานให้สำเร็จตามแผนหรือตามเป้าหมายที่วางไว้
สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
บริษัทให้ความพึงพอใจในการให้บริการลูกค้าที่พึงพอใจต่อโครงการของเรา และถือว่าการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า (End User) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญต่อการแข่งขัน ซึ่งบริษัทฯ จะทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำและสรุปภาพรวมเป็นรายปี เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพ โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการสำรวจความพึงพอใจต่อลูกค้า ซึ่งสามารถสรุปผลได้ ดังนี้
จำนวนโครงการที่สำรวจความพึงพอใจ | จำนวน 9 โครงการ |
---|---|
รายละเอียดหัวข้อที่มีการสำรวจ | 1.ความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้า เป้าหมาย มากกว่าหรือเท่ากับ 4 ทำได้ 4.27 2. คุณภาพงานก่อสร้าง เป้าหมาย มากกว่าหรือเท่ากับ 4 ทำได้ 3.69 |
ปัจจัยที่ลูกค้าพึงพอใจ | 1. พนักงานขาย พนักงานก่อสร้าง พนักงานบริการ 2. คุณภาพของสินค้าและการก่อสร้าง 3. ราคาและโปรโมชั่น |
ความเสี่ยงหลักในการดำเนินธุรกิจ
การแข่งขันในตลาดที่รุนแรงเนื่องจากปริมาณโครงการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้นอย่างรวดเร็วรวมทั้งการระบาดของ COVID-19 ส่งผลต่ออุปทานในตลาดโดยรวม ส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันทางด้านราคามากขึ้น (Price War) อย่างชัดเจนในปี 2563 เจ้าของแบรนด์ส่วนใหญ่ในตลาดมีการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ มากขึ้น และแรงขึ้นให้กับลูกค้า ซึ่งอาจจะทำให้ยากขึ้นสำหรับบริษัทฯ ในการรักษายอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายในขณะที่ยังคงรักษาราคาเดิมเอาไว้เท่าเดิม อาจจำเป็นต้องพิจารณาลดราคาขายลง รวมทั้งเพิ่มมูลค่าโปรโมชั่นแก่ลูกค้าเพื่อต่อสู้กับรายอื่นๆในตลาด ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิในการขายของบริษัทฯ
รวมทั้งการเพิ่มการใช้จ่ายในการทำการตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าในภาวะที่อุปทานลดลงอาจส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดมากขึ้นจากที่วางแผนไว้
แนวทางป้องกันและแก้ไข
- สร้างมูลค่าของแบรนด์สัมมากรให้สูงขึ้น (Brand Value) เพื่อช่วยในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนอกจากการใช้ราคาเพียงอย่างเดียว รวมทั้งการเป็นที่รู้จักมาขึ้นยังส่งผลต่อการเยี่ยมชมโครงการที่สูงขึ้นอีกด้วย
- ควบคุมการใช้จ่ายของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และมีการทบทวนทุกไตรมาสเพื่อตรวจสอบว่ายังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เมื่อเทียบกับยอดขายจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งการบริหารค่าใช้จ่ายที่ใช้ปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพที่ดี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อ
- พัฒนาการบริการหลังการขายเพื่อสร้างความพึงพอใจกับลูกบ้านส่งผลต่อการแนะนำให้มาซื้อโครงการของบริษัท
- พัฒนาบุคลากรเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เป้าหมายในระยะยาว
สร้างแบรนด์สัมมากรรวมถึงแบรนด์รองแต่ละโครงการของบริษัทให้เป็น Top of Mind ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า และบริการรวมทั้งเพิ่มปริมาณลูกค้าแต่ละโครงการให้มากขึ้น และทำให้ค่าใช้จ่ายในการดึงลูกค้าผ่านการซื้อสื่อโฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขยายโครงการทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้มากขึ้นโดยยึดจากความต้องการของตลาดเป็นหลัก นอกจากนี้ยังจะขยายโครงการของสัมมากรเข้ามาในเขตเมือง (CBD) มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้กับบริษัทฯ
วัตถุประสงค์/เป้าหมายระยะยาวของบริษัท
บริษัทมีเป้าหมายทำรายได้ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2566 เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราได้พัฒนาแผนงานที่เหมาะสมในการรองรับโอกาสและเผชิญกับความท้าทายในอนาคต ควบคู่ไปกับการเติมเต็มความต้องการที่จำเป็นของการเป็นองค์กรที่มีความับผิดชอบต่อสังคมในทุกแง่มุมของการดำเนินงานของเรา